Mascot of the shrine - ตุ๊กตาหน้าวัด - 2020 edition

[ ตุ๊กตาหน้าวัด ]


มีตุ๊กตาตัวใหญ่ ตั้งไว้ใกล้ประตูหน้าวัดแห่งหนึ่ง ในเวลากลางวัน

ตั้งไว้ให้ผู้คนที่ผ่านมา สักการะและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก


โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า ภายในตุ๊กตาตัวนั้นมีคนเป็น ๆ ซ่อนอยู่ข้างใน...


-------------------------------------------------------------------------------



-------------------------------------------------------------------------------


วันหนึ่ง มีเด็กชายที่ผ่านมาเที่ยวเล่นที่วัดอยู่บ่อย ๆ เกิดสงสัยว่า

“ทำไมพระในวัด ถึงต้องย้ายตุ๊กตาตัวนี้ เข้าเก็บในวัดทุกเย็นนะ?”


ทั้ง ๆ ที่จริง ก็ไม่น่ามีใครคิดจะขโมยมันหรอก... ขืนลักไป มีแต่จะซวยเปล่า ๆ


เด็กชาย มองดูพฤติกรรมของเหล่าพระในการย้ายตุ๊กตาใหญ่ตัวนี้เข้าเก็บทุกเย็น

โดยไม่เข้าใจว่าทำไม...


เขาพยายามเก็บข้อมูล เฝ้าสังเกต จนรู้ถึงห้องที่พระ ต้องนำตุ๊กตาตัวนี้เข้าเก็บ

แต่ก็ยังไม่มีสิ่งไขข้อสงสัยได้


เด็กชายใช้ช่วงเวลากลางวัน เดินมาเพื่อสำรวจยังห้องนั้น แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นภายในห้องเก็บตุ๊กตาได้

เนื่องด้วยห้องเก็บของนั้นปิดทึบมิดชิดมาก


ผ่านไปเป็นสัปดาห์ เด็กชายก็ยังไม่สามารถหาช่องทางที่จะสอดส่องให้เห็นภายในห้องได้

ทุก ๆ วัน เขาจึงเห็นได้แค่เพียง ตุ๊กตา ถูกนำออกมาตั้งตอนเช้า และถูกเก็บเข้าเมื่อเย็นค่ำพระอาทิตย์ตก


ด้วยความสงสัยนี้ ทำให้เด็กชายอยากรู้สาเหตุจนแทบคลั่ง


-------------------------------------------------------------------------------


วันหนึ่ง วันดี วันนี้มีผู้คนมาวัดไม่มากนัก เด็กชายจึงถือโอกาสสำรวจตุ๊กตาตัวที่ว่าอย่างถี่ถ้วน

เพื่อพยายามไขข้อสงสัย ว่าตุ๊กตาตัวนี้มันมีอะไรเป็นพิเศษ?

แต่ยิ่งมอง ยิ่งดู ทุกอย่างก็สุดแสนจะธรรมดา แค่หุ่น ใส่ชุดพระ หัวโต ๆ ที่ดูน่ารัก ๆ ไว้ดึงดูดผู้คน


แล้วทำไมพวกพระในวัด ถึงต้องย้ายมันเข้า ๆ ออก ๆ ทุกวันล่ะ?


ความสงสัยยังคงวนเวียนอยู่ในหัว

เด็กชายลูบ ๆ คลำ ๆ ไปตามผิวตุ๊กตา และรู้สึกว่า...

มันอุ่นผิดปกติ!


และด้วยวันนี้เสียงรอบ ๆ ค่อนข้างเงียบกว่าปกติ ทำให้เด็กชายได้ยินเสียง

คล้าย ๆ เครื่องอะไรสักอย่าง กำลังทำงาน ดัง วี้ วี้~~~

และมีเสียงคล้าย ๆ คนคราง เบา ๆ เบามาก ๆ

เขาจึงพยายาม หาที่มาของเสียงนั้น


แต่สิ่งที่เขาพบกลับเป็น แม่กุญแจล็อก ที่คล้องล็อกหัวตุ๊กตาไว้ ให้ติดกับส่วนลำตัว


"ทำไมต้องคล้องกุญแจล็อก แบบนี้ด้วยล่ะ?"


-------------------------------------------------------------------------------


เด็กชายสังเกตรอบ ๆ ไม่มีพระ หรือใครอยู่แถวนั้น 

ที่จะสามารถเห็นเขากำลังป้วนเปี้ยนอยู่รอบ ๆ ตุ๊กตาตัวนี้แน่ ๆ

เขาจึงลองกระชากแม่กุญแจแรง ๆ แอบหวังว่าถ้าล็อกไม่แน่นหนานัก มันจะหลุดออกได้

แต่ทันทีที่ทำเช่นนั้น... เขาก็ได้ยินอะไรบางอย่าง !


เป็นเสียงที่มาจากด้านในตุ๊กตา

เป็นเสียงครวญคราง เบา ๆ และอู้อี้


ทันใดนั้น เขาสะดุ้ง เพราะมีใครบางคนกำลังเปิดประตูวัดออกมา

เด็กชายจึงรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

เขารอดพ้นไม่โดนจับได้ และถึงบ้านอย่างปลอดภัย แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเย็น

ทำให้เด็กชายไม่สามารถนอนหลับได้ตลอดทั้งคืน


-------------------------------------------------------------------------------


วันต่อมา เขาแกล้งทำเป็น ถ่ายรูปรอบตุ๊กตา เหมือนนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมา

แล้วนำรูปเหล่านั้น มาตรวจสอบที่บ้าน

พบว่า มีแม่กุญแจที่ถูกล็อกหัวไว้กับตัวตุ๊กตาเยอะมาก


อีกวันหนึ่ง เขาจึงแกล้ง ถ่ายรูปเซลฟี่คู่กับตุ๊กตานั้น

ด้วยการกอด และสัมผัส

เด็กชายได้ยินเสียงจากในตัวตุ๊กตาอีกแล้ว

แต่วันนี้ผู้คนค่อนข้างเยอะ ทำให้ได้ยินไม่ชัดเลย

แต่เขารู้ได้อย่างหนึ่งจากการสัมผัสกอด

คือตุ๊กตาตัวนี้มีความอุ่นผิดวิสัยตุ๊กตาจริง ๆ


ผ่านไปอีกหลายวัน

เด็กชายสบโอกาส ได้เอ่ยถามพระรูปหนึ่งถึงเรื่องที่ว่า

"ทำไมท่านต้องเก็บตุ๊กตาตัวนี้เข้าในวัดทุกเย็นล่ะครับ?"


พระท่านไม่ได้ให้เหตุผลอะไร นอกจากบอกว่าก็แค่เก็บตามหน้าที่


ซึ่งคำตอบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เด็กชายต้องการเลย


รุ่งขึ้นเด็กชาย ก็ลองเข้ามากอดตุ๊กตานั้นอีก แต่คราวนี้กอดและออกแรงเขย่าแรงมากขึ้น

เขารู้สึกได้ถึงมีบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ภายในนั้น และกำลังดิ้นร้อง...


-------------------------------------------------------------------------------


ทันทีที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกดังกล่าว

เด็กชายจึงรีบไปเล่าให้พระอีกรูปหนึ่งที่อยู่ในบริเวณนั้นฟัง ถึงสิ่งที่เขาได้สัมผัสมา


พระรูปนั้นได้แต่บอกเขาว่าเขาคิดไปเอง ไม่มีอะไรเช่นนั้นหรอก


แต่เด็กชายไม่เชื่ออีกต่อไปแล้ว และเขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อพิสูจน์สิ่งที่เขาคิด


เพราะเขาเชื่อว่าตุ๊กตาตัวนั้นมีความผิดปกติ และเขาได้ยินเสียงจากข้างในจริง ๆ

เขาจึงลองไปกอดตุ๊กตาตัวอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ กัน

และมันก็แตกต่าง


มีแค่ตุ๊กตาตัวนั้น ที่มีสัมผัสความอุ่น และมีเสียงดังออกมาเมื่อโดนกอด

เมื่อเด็กชายมั่นใจดังนั้นแล้ว...

เขาจึงติดต่อขอพบกับเจ้าอาวาสในทันที


-------------------------------------------------------------------------------


แต่เขาไม่รู้เลยว่า เจ้าอาวาสทราบเรื่องที่เขาพยายามถามหาความจากพระลูกวัด มาก่อนแล้ว

และเมื่อเด็กชายถามคำถามเดียวกันเรื่องตุ๊กตากับเจ้าอาวาส

ท่านเจ้าอาวาสก็ถามกลับว่า...

เหตุใดเขาจึงสงสัยนัก?


เด็กชายตอบเจ้าอาวาสว่า ภายในตุ๊กตาตัวนั้น

จะต้องมีคนอยู่ข้างในแน่ ๆ !


เจ้าอาวาสจึงกล่าวต่อเสียงเรียบ ๆ ว่า

ถ้ามีคนอยู่ในตุ๊กตาตัวนั้นจริง ๆ เด็กชายคิดว่าจะเป็นยังไงล่ะ?


บางสิ่งในตัวของเด็กชายเกิดอาการแข็งขันขึ้น ทันทีที่คิดตามคำกล่าวของเจ้าอาวาส 

เด็กชายรู้สึกหน้าแดง และพยายามเบือนหน้าหนี


ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่พักใหญ่ เนื่องด้วยเด็กชายรู้สึกสับสนไม่รู้จะตอบคำถามเจ้าอาวาสอย่างไรดี


เจ้าอาวาสเห็นเช่นนั้น จึงเป็นฝ่ายออกตัว เอ่ยถามเด็กชายเองว่า

เขาอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับตุ๊กตาตัวนั้นหรือไม่?


เด็กชายไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้าเป็นเชิงว่า ใช่


เจ้าอาวาสจึงบอกให้เด็กชายมาที่วัดอีกครั้งในวันพรุ่งนี้เวลา 1 ทุ่ม

หลังจากปิดวัดแล้ว


-------------------------------------------------------------------------------


ในวันศุกร์รุ่งขึ้น เด็กชายมาถึงวัดก่อนเวลา ประมาณ 6 โมงเย็น และเฝ้ารอคอยอย่างใจจดจ่อ

เมื่อเวลา 1 ทุ่มตรง เด็กชายนั่งอยู่ข้าง ๆ ตุ๊กตาตัวนั้น

ระหว่างที่พระลูกวัดกำลังจะปิดประตูวัดตามกำหนด

เขาก็ยังทดสอบสัมผัสและจ้องมองตุ๊กตาที่สงสัยอยู่ตลอดเวลา


ไม่นานหลังจากนั้น มีพระ 4 รูป เข้ามาเคลื่อนย้ายตุ๊กตาตัวดังกล่าว อย่างเช่นทุกวัน

แต่วันนี้มีท่านเจ้าอาวาสมาด้วย

และท่านก็ได้เรียกให้เด็กชาย ตามมาดูระหว่างทำการขนย้ายตุ๊กตาเข้าเก็บ


เมื่อพระทั้ง 4 รูป ขนย้ายตุ๊กตาเข้าไปเก็บไว้ในห้อง เด็กชายก็เดินตามเข้ามา

และสังเกตได้ว่าห้องนี้มืดทึบมากมีแค่แสงสว่างจากบานประตูที่เปิดไว้เท่านั้นเอง


หลังจากตั้งตุ๊กตาไว้กลางห้องแล้ว พระ 3 รูปได้เดินออกจากห้องไป

เหลือแต่เจ้าอาวาส กับพระผู้ช่วย


ท่านเจ้าอาวาสเปิดสวิทช์ไฟสปอต์ไลท์ ที่อยู่เหนือหัวตุ๊กตาขึ้น ให้เห็นสว่างชัด

“โยมอยากรู้จริง ๆ หรือเปล่าว่าอะไรอยู่ข้างในตุ๊กตานี่” เจ้าอาวาสถาม


-------------------------------------------------------------------------------


...เด็กชายรีบพงกหัว ตอบรับอย่างรวดเร็ว


พระผู้ช่วย ได้นำพวงลูกกุญแจ มาไขแม่กุญแจทั้ง 8 ตัว ที่ล็อกหัวตุ๊กตาไว้

และยกหัวตุ๊กตาออก เผยให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ข้างใน


เด็กชายหน้าแดงผ่าวขึ้นทันที ที่ได้เห็นสิ่งที่คล้ายศีรษะคนอยู่ในนั้น

แต่ไม่สามารถจำแนกได้ชัดนัก เพราะดูเหมือนศีรษะนั้นจะถูกห่อรัดแน่นไว้ด้วยผ้าอีกทีหนึ่ง


เด็กชายอยากเอื้อมมือไปสัมผัส แต่ถูกเจ้าอาวาสห้ามไว้


พระผู้ช่วย ได้ทำการปลดโครงช่วงลำตัวตุ๊กตาออก วางกองลงกับพื้น

เผยให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ภายในตุ๊กตานั้น เป็นห่อผ้าถูกพันด้วยเชือกอย่างแน่นหนามาก ๆ

และมันขยับได้


เด็กชายรู้สึกตกใจระคนตื่นเต้นอย่างมากกับสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้า!!


เจ้าอาวาส บอกเด็กชายว่าเมื่อเขาเห็นในสิ่งที่เขาต้องการเรียบร้อย

เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ควรจะกลับบ้านได้แล้ว


และเป็นดังที่คาดไว้ เด็กชายปฏิเสธที่จะกลับ

เขาต้องการที่จะรู้ และเห็นมากกว่านี้


-------------------------------------------------------------------------------


เจ้าอาวาสสังเกตเห็นได้ถึง เป้ากางเกงที่แข็งตุงของเด็กชาย

ในระหว่างที่สนทนา...


เจ้าอาวาสจีงเรียกให้พระผู้ช่วย นำกระดาษใบหนึ่งมาให้ และบอกเด็กชายว่า…

ขอให้เด็กชายลงชื่อสัญญาว่าจะเก็บสิ่งที่เห็นต่อจากนี้ทั้งหมดเป็นความลับ

ไม่แพร่งพรายให้ใครรู้


เด็กชายพยักหน้าตอบรับ และลงลายมือชื่อในทันที โดยไม่อ่าน


เจ้าอาวาสพับกระดาษสัญญาเก็บใส่จีวร แล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณให้พระผู้ช่วย


ทันใดนั้น ก็มีมือ 2 คู่จับตัวเด็กชายจากด้านหลัง และล็อกตัวเขาไว้แน่น

เด็กชายเองก็ไม่ได้พยายามดิ้นรนขัดขืนมากนัก


เพราะด้วยความอยากรู้อยากเห็น ถึงสิ่งที่อยู่ในห่อผ้าพันธนาการเชือกนั่น 

ครอบงำความกลัวเขาไปหมดแล้ว

และคิดว่านี่เป็นการป้องกัน เพราะให้เขาอยู่นิ่ง ๆ เพื่อจะได้ดูสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป


พระผู้ช่วยค่อย ๆ แกะเชือก และผ้าที่พันมัดออกทีละชั้น

เผยให้เห็นรูปร่างของคน ที่อยู่ในอยู่ตุ๊กตา เป็นเรื่องจริงตามที่เด็กชายคิด

คน ๆ นั้นมีรูปร่างและขนาดตัวพอ ๆ กับเด็กชายเช่นกัน

แต่ถูกถุงคลุมไว้ไม่เห็นใบหน้า และใส่ชุดรัดรูปปกปิดรัดทั้งตัวไม่เห็นเนื้อหนังในส่วนอื่นใดเลย


-------------------------------------------------------------------------------


เจ้าอาวาสถามเด็กชายว่า หลังจากเห็นแล้วรู้สึกเช่นไร?


เด็กชายไม่ได้ตอบกลับ แต่รู้สึกได้ว่าเขาหน้าแดงมาก

และเลือดสูบฉีดจนองคชาติแข็งตุงกางเกงจนโด่ เด่นเห็นได้ชัด


เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว เจ้าอาวาสจึงได้หยิบกระดาษที่ลงชื่อของเด็กชาย ออกมากางให้เห็นว่า

นี่คือ “สัญญายินยอมให้ถูกทำเป็นตุ๊กตาประดับวัด 1 วัน”


เด็กชายตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก และพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการจับกุม

แต่ไม่เป็นผล


เด็กชายถูกล็อกตัวไว้ด้วยกำลังอย่างแน่นหนา

และพระอีก 2 รูป ก็เข้ามาปลดถอด ฉีกเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ออก จนเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่า


ทุกคนเห็นองคชาติของเด็กชายที่แข็งชูชัน ยิ่งนักเมื่อไม่มีสิ่งปกปิด


เจ้าอาวาสพยักหน้าเป็นสัญญาณดำเนินการขั้นตอนต่อไป


-------------------------------------------------------------------------------


พระผู้ช่วยช่วยปลดและถอดถุงคลุมหัวจากร่างเด็กชายผู้อยู่ในตุ๊กตา

เผยให้เห็นว่า เด็กชายชุดรัดรูปนั้นถูกปิดตาและมัดอุดปากไว้ใต้ถุงที่คลุมหัวอีกทีหนึ่ง


พระผู้ช่วย แกะผ้าปิดตา และเครื่องอุดปากออก

พร้อมปลดซิปถอดชุดรัดรูปเต็มตัว กองลงที่พื้น

และเผยให้เห็น สิ่งที่เป็นต้นกำเนิดเสียงต้องสงสัย

ที่ถูกอุดไว้ในก้นของเด็กชายผู้อ่อนเพลีย


ทุกอย่างกระจ่างชัดแล้ว ณ ตอนนี้


หลังจากที่ถอดทุกสิ่งออกจากตัว รวมถึงเครื่องอุดทวาร ทั้งหมดแล้ว

พระผู้ช่วยได้บอกให้เด็กชายผู้อยู่ในตุ๊กตาไปพักผ่อน

และเขาก็ค่อย ๆ เดินกระปรกกระเปลี้ยไปที่ประตูห้อง

โดยมีพระรูปหนึ่งนำผ้าจีวรมาห่มร่างอันเปลือยเปล่านั้น ให้แล้วพาตัวออกไป


จากนั้นพระผู้ช่วยก็หันมาทาง เด็กชายขี้สงสัย

และเริ่มจัดการทำสิ่งที่ต้องทำตามในใบสัญญา


-------------------------------------------------------------------------------


โดยเริ่มจากการให้พระ 2 รูปช่วยกันจับขาเด็กชายแยกออก

และค่อย ๆ นำดุ้นเครื่องสั่นกระตุ้นที่เพิ่งถอดออกมา เสียบแทรกเข้าไปในก้นของเด็กชาย

ท่ามกลางเสียงร้องไห้ และความเจ็บจุก แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้

เมื่อเครื่องกระตุ้นถูกดันเข้าไปจนสุดแล้ว ก็ถูกล็อกไว้ ด้วยเข็มขัด

ซึ่งเด็กชายนั้นจะไม่สามารถเบ่งให้มันหลุดออกมาได้อีก


จากนั้นพระผู้ช่วยก็สวมชุดรัดรูปเต็มตัวให้เด็กชายขี้สงสัย

ชุดนี้เป็นสีขาว มีถุงเท้า และถุงมือไร้นิ้วติดชุด ไม่มีซิปเป้า

และหน้ากากสวมหัวเจาะเปิดไว้เป็นวงกลมไว้สำหรับช่องปาก

พร้อมซิปหลังที่ล็อกด้วยกุญแจเล็ก ๆ ได้


ที่สำคัญชุดนี้ คือชุดที่เพิ่งถูกถอดออกมาจากคนก่อนหน้า

ความเปียกชุ่มของเหงื่อ และคราบน้ำแห่งความเป็นชายบริเวณเป้า

ยังติดเหนียวอยู่เต็มไปหมด


เมื่อบังคับสวมชุดให้เด็กชายได้ทั้งตัวแล้ว

พระผู้ช่วยได้นำน้ำดื่มปรุงพิเศษมา 1 ขวด และบังคับให้เด็กชายดื่มจนหมด


-------------------------------------------------------------------------------


น้ำดื่มปรุงพิเศษนี้ จะช่วยให้เด็กชายทนอยู่ได้ในสภาพอากาศที่โหดร้าย

ชลอการขาดน้ำ และไม่ขับถ่าย

ก่อนที่จะนำเครื่องอุดปากที่มีปลายเหมือนดุ้นองคชาติ

ยัดเข้าใส่ในปากของเด็กชาย รัดสายรัดแน่นจนเสียงร้องเงียบไป จากนั้นก็ใส่แม่กุญแจเล็ก ๆ คล้องล็อกไว้


เด็กชายผู้ตกเป็นทาสสัญญา มองผ่านหน้ากากผ้าขาวของชุดรัดรูปอย่างเลือนลาง

เห็นภาพสุดท้ายที่จะได้เห็น คือพระผู้ช่วยนำผ้าอีกผืน มาปิดตาของเขาอย่างแน่น

จนไม่เห็นแสงใด ๆ อีกต่อไป


เขาร้องไห้ สะอื้น และพยายามอ้อนวอนผ่านเครื่องอุดปาก

เสียงที่ส่งออกมาเป็นได้แค่เสียงอู้อี้ อึกอัก จับใจความไม่ได้


และเด็กชายก็ต้องตกใจมากขึ้น เมื่อสัมผัสได้ถึงถุงคลุมหัวที่ถูกครอบลงมาอีกชั้น

ซึ่งทำให้เขาหายใจลำบากขึ้น


“โยมต้องพยายามตั้งสติ มีสมาธิ ไม่ตกใจ

แล้วโยมจะพบหนทางที่จะอยู่รอดปลอดภัยได้ด้วยตัวเองในการเป็นตุ๊กตานะ”


-------------------------------------------------------------------------------


เด็กชายรู้สึก และสามารถบอกกับตัวเองได้ว่าขณะนี้ เขาถูกบังคับให้ 

อยู่ในชุด เพื่อเตรียมพร้อมกับการถูกทำเป็นตุ๊กตามนุษย์

เฉกเช่นกับเด็กชายคนก่อนหน้าที่เพิ่งออกจากห้องนี้ไป


สวมชุดที่เด็กคนนั้นเคยใส่ และถูกขังอยู่ในตุ๊กตารูปพระยิ้มแย้มทั้งวัน

...ชุดที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ กลิ่น และเมือกน้ำที่ถูกขับออกมาจากการสำเร็จกาม

เพราะเครื่องกระตุ้นที่อยู่ในก้น


น่าแปลกใจที่ยิ่งคิดเด็กชายก็ยิ่งแข็งขัน

หรือนี่คือหนทางแห่งการเป็นตุ๊กตาที่เจ้าอาวาสท่านว่าไว้เมื่อสักครู่นะ


เมื่อเห็นเด็กชายค่อย ๆ สงบลง เจ้าอาวาสที่จับจ้องดูอยู่ตลอดก็ยิ้มอย่างพอใจ


-------------------------------------------------------------------------------


พระผู้ช่วยทำการมัดเชือกบนตัวของเด็กชาย มัดมือ และขาให้เข้าที่ จนดิ้นไม่หลุดแล้ว

ก็ให้พระที่เหลืออุ้มเด็กชายนอนลงบนพื้น และให้พระทั้งหมดแยกย้ายกลับไปได้

เหลือแต่ท่านเจ้าอาวาสกับพระผู้ช่วยเพียง ลำพัง


ทั้งคู่ต่างพอใจ เมื่อมองเห็นเด็กชายถูกพันธนาการนอนอยู่บนพื้น

และมีองคชาติแข็งตุงชุดรัดรูปขาว และมีจุดเปียกเยิ้ม


พระผู้ช่วย เปรยกับเจ้าอาวาส ให้ดูเด็กชายที่กำลังทรมานด้วยความสุขใกล้ 

และจะสำเร็จความใคร่เต็มที

ด้วยเป็นห่วงว่าเด็กชายจะสามารถเป็นตุ๊กตาให้กับวัดได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่


เจ้าอาวาส บอกให้ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ท่านจะดูแลเรื่องทั้งหมดเอง


จากนี้ไป เรามาช่วยกันทำพิธีให้เด็กคนนี้หลั่งน้ำแรกแห่งความสุขก่อน 

ที่จะเป็นตุ๊กตาเต็มตัวกันเถอะ...


-------------------------------------------------------------------------------


เจ้าอาวาสและพระผู้ช่วยทำพิธี สวดอำนวยพร สลับสัมผัสร่างในพันธนาการ 

ให้เด็กชายเสียวซ่านด้วยมือของทั้ง 2 รูป จนเด็กชายสำเร็จหลั่งน้ำกามออกมา 


จากนั้น พระผู้ช่วยได้ทำการแกะเครื่องอุดปากของเด็กชายออก เปลี่ยนเป็นเครื่องถ่างปาก 

เพื่อที่ให้ท่านเจ้าอาวาสได้ มอบน้ำมนต์พ่นตรงจากองคชาติของท่าน เข้าสู่ลำคอของเด็กชาย 

และรวมถึงน้ำมนต์จากพระผู้ช่วย อีกคำรบ หลังจากได้รับน้ำมนต์จากทั้งสองรูปกลืนลงคอไปแล้ว

ก็ตามด้วยน้ำดื่มปรุงพิเศษ อีก 1 ขวด เพื่อช่วยให้เด็กชายตุ๊กตาใหม่ มีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น


จากนั้นเด็กชายก็ถูก เปลี่ยนเครื่องอุดปากเป็นแบบดุ้นองคชาติเช่นเดิม 

และถูกห่อด้วยผ้าขาวอีก 2 ชั้นรัดหัวตึงแน่น แต่ยังหายใจได้

พร้อมถูกมัดซ้ำด้วยเชือกอย่างแน่นหนา แบบที่เห็นก่อนหน้าทีตอนถอดชุดตุ๊กตาจากเด็กคนก่อน

แต่มีสิ่งที่แตกต่างออกไปคือ


ท่านเจ้าอาวาส บอกให้พระผู้ช่วย ใส่ปลอกคอเหล็กให้กับเขาด้วย

เด็กชายรู้สึกได้ถึงน้ำหนักปลอกคอเหล็กที่กดทับ และได้ยินเสียงล็อกกุญแจลูกใหญ่


เขาจะหนีไปไหนได้อีก แค่นี้ก็เกินกำลังจะเอาตัวรอดแล้ว เจ้าอาวาสให้โอวาทสั่งสอนย้ำว่า

ให้พยายามทำสิ่งที่เขาทำได้ นั่นคือมีสมาธิ ตั้งใจสัมผัสถึงความสุขที่เกิดจากการถูกพันธนาการ

พยายามหายใจ และเสพความเสียวซ่านที่พลุ่งพล่านไปให้ได้ตลอดทั้งวัน


-------------------------------------------------------------------------------


สิ่งที่เด็กชายได้ยินต่อไปนี้ทำให้เขารู้สึกกลัวไม่น้อย

นั่นคือเจ้าอาวาส และพระผู้ช่วย จะกลับไปจำวัดแล้ว

ท่านสั่งให้นำตัวเด็กชายเข้าไปใส่ไว้ในตุ๊กตา ประกอบให้ปิดล็อกให้เรียบร้อย


พระผู้ช่วยประกอบชุดตุ๊กตาขึ้นมาใหม่ และนำตัวเด็กชายใส่ไว้ข้างใน

ซึ่งภายในชุดตุ๊กตานั้นบุนวมไว้อีกชั้น ทำให้รัดตัวเด็กชายแน่น ไม่โอนเอน และการดิ้นขยับทำได้ยากมาก


จากนั้นหัวตุ๊กตาก็ถูกครอบลงมา พร้อมการปิดล็อกกุญแจ 8 ดอกเข้าที่


เด็กชายจะต้องถูกขังอยู่ในตุ๊กตานี้ทั้งคืน และเมื่อถึงตอนเช้า

ก็จะถูกขนออกไปตั้งแสดงที่หน้าวัด เหมือนทุกวันที่ผ่านมา


ตลอดทั้งวันจะมีผู้คนแวะเวียนมาถ่ายรูป มากอด มาเซลฟี่ มาเล่นกับตุ๊กตา

โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาถูกขังอยู่ข้างใน

แม้จะร้องเรียกดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยิน


ซึ่งจริง ๆ แล้วควรจะเก็บแรงไว้ และรักษาตัวให้รอดในการถูกขังในตุ๊กตานี้ตลอดวันจะดีกว่า


-------------------------------------------------------------------------------





-------------------------------------------------------------------------------


แต่เด็กชายไม่อาจรู้ได้เลยว่า...

หากเขาสามารถผ่านการเป็นตุ๊กตาหน้าวัด 1 วันนี้ไปได้


ท่านเจ้าอาวาสอาจจะพิจารณาต่ออายุสัญญาออกไปได้อีก ตามที่ท่านเห็นสมควร


ยังไงเด็กชายก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกต่อไป นอกจากต้องตกเป็นสมบัติของวัด

ด้วยความอยากรู้ อยากเห็นของตนเอง


ขอให้มีชีวิตรอด และเรียนรู้เส้นทางความสุขแห่งการพันธนาการ ของวัดนี้เถิด


เพียงแค่คิดเท่านี้ เด็กชายก็เริ่มแข็งขัน ขึ้นมาอีกแล้ว...


จบ.


-------------------------------------------------------------------------------


…. วิตถารมาก ….

แต่ถ้าชอบ อ่านแล้วก็เอาไปชักว่าวให้สนุกไปเลยนะครับ

เม้นต่อเรื่องเพิ่มเติมกันตามสบาย


และใครมีความสามารถทำให้เป็นความจริงได้ ก็ส่งรูปมาให้ดูกันด้วยล่ะ

Comments

  1. อ่าน ชอบมากเลยคับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณครับ ขอให้สนุกกับการใช้งานเรื่องราวนี้ครับ

      Delete
  2. ขอบพระคุณมากๆเลยครัย เนื้อเรื่องดีมาก เสียวทั้งวันเลย 55555 จนอยากเป้นศิษย์เลยครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ศิษย์วัดนี้ต้องอดทนทรมานเสียวในการถูกกักขังมากเลยครับ

      Delete

Post a Comment

Kindly talk to us sometime, woulf be very appreciated. Thank you for visit us.