[ ตุ๊กตาหน้าวัด ]
มีตุ๊กตาตัวใหญ่ ตั้งไว้ใกล้ประตูหน้าวัดแห่งหนึ่ง ในเวลากลางวัน
ตั้งไว้ให้ผู้คนที่ผ่านมา สักการะและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า ภายในตุ๊กตาตัวนั้นมีคนเป็น ๆ ซ่อนอยู่ข้างใน...
-------------------------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------------------------
วันหนึ่ง มีเด็กชายที่ผ่านมาเที่ยวเล่นที่วัดอยู่บ่อย ๆ เกิดสงสัยว่า
“ทำไมพระในวัด ถึงต้องย้ายตุ๊กตาตัวนี้ เข้าเก็บในวัดทุกเย็นนะ?”
ทั้ง ๆ ที่จริง ก็ไม่น่ามีใครคิดจะขโมยมันหรอก... ขืนลักไป มีแต่จะซวยเปล่า ๆ
เด็กชาย มองดูพฤติกรรมของเหล่าพระในการย้ายตุ๊กตาใหญ่ตัวนี้เข้าเก็บทุกเย็น
โดยไม่เข้าใจว่าทำไม...
เขาพยายามเก็บข้อมูล เฝ้าสังเกต จนรู้ถึงห้องที่พระ ต้องนำตุ๊กตาตัวนี้เข้าเก็บ
แต่ก็ยังไม่มีสิ่งไขข้อสงสัยได้
เด็กชายใช้ช่วงเวลากลางวัน เดินมาเพื่อสำรวจยังห้องนั้น แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นภายในห้องเก็บตุ๊กตาได้
เนื่องด้วยห้องเก็บของนั้นปิดทึบมิดชิดมาก
ผ่านไปเป็นสัปดาห์ เด็กชายก็ยังไม่สามารถหาช่องทางที่จะสอดส่องให้เห็นภายในห้องได้
ทุก ๆ วัน เขาจึงเห็นได้แค่เพียง ตุ๊กตา ถูกนำออกมาตั้งตอนเช้า และถูกเก็บเข้าเมื่อเย็นค่ำพระอาทิตย์ตก
ด้วยความสงสัยนี้ ทำให้เด็กชายอยากรู้สาเหตุจนแทบคลั่ง
-------------------------------------------------------------------------------
วันหนึ่ง วันดี วันนี้มีผู้คนมาวัดไม่มากนัก เด็กชายจึงถือโอกาสสำรวจตุ๊กตาตัวที่ว่าอย่างถี่ถ้วน
เพื่อพยายามไขข้อสงสัย ว่าตุ๊กตาตัวนี้มันมีอะไรเป็นพิเศษ?
แต่ยิ่งมอง ยิ่งดู ทุกอย่างก็สุดแสนจะธรรมดา แค่หุ่น ใส่ชุดพระ หัวโต ๆ ที่ดูน่ารัก ๆ ไว้ดึงดูดผู้คน
แล้วทำไมพวกพระในวัด ถึงต้องย้ายมันเข้า ๆ ออก ๆ ทุกวันล่ะ?
ความสงสัยยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
เด็กชายลูบ ๆ คลำ ๆ ไปตามผิวตุ๊กตา และรู้สึกว่า...
มันอุ่นผิดปกติ!
และด้วยวันนี้เสียงรอบ ๆ ค่อนข้างเงียบกว่าปกติ ทำให้เด็กชายได้ยินเสียง
คล้าย ๆ เครื่องอะไรสักอย่าง กำลังทำงาน ดัง วี้ วี้~~~
และมีเสียงคล้าย ๆ คนคราง เบา ๆ เบามาก ๆ
เขาจึงพยายาม หาที่มาของเสียงนั้น
แต่สิ่งที่เขาพบกลับเป็น แม่กุญแจล็อก ที่คล้องล็อกหัวตุ๊กตาไว้ ให้ติดกับส่วนลำตัว
"ทำไมต้องคล้องกุญแจล็อก แบบนี้ด้วยล่ะ?"
-------------------------------------------------------------------------------
เด็กชายสังเกตรอบ ๆ ไม่มีพระ หรือใครอยู่แถวนั้น
ที่จะสามารถเห็นเขากำลังป้วนเปี้ยนอยู่รอบ ๆ ตุ๊กตาตัวนี้แน่ ๆ
เขาจึงลองกระชากแม่กุญแจแรง ๆ แอบหวังว่าถ้าล็อกไม่แน่นหนานัก มันจะหลุดออกได้
แต่ทันทีที่ทำเช่นนั้น... เขาก็ได้ยินอะไรบางอย่าง !
เป็นเสียงที่มาจากด้านในตุ๊กตา
เป็นเสียงครวญคราง เบา ๆ และอู้อี้
ทันใดนั้น เขาสะดุ้ง เพราะมีใครบางคนกำลังเปิดประตูวัดออกมา
เด็กชายจึงรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เขารอดพ้นไม่โดนจับได้ และถึงบ้านอย่างปลอดภัย แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเย็น
ทำให้เด็กชายไม่สามารถนอนหลับได้ตลอดทั้งคืน
-------------------------------------------------------------------------------
วันต่อมา เขาแกล้งทำเป็น ถ่ายรูปรอบตุ๊กตา เหมือนนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมา
แล้วนำรูปเหล่านั้น มาตรวจสอบที่บ้าน
พบว่า มีแม่กุญแจที่ถูกล็อกหัวไว้กับตัวตุ๊กตาเยอะมาก
อีกวันหนึ่ง เขาจึงแกล้ง ถ่ายรูปเซลฟี่คู่กับตุ๊กตานั้น
ด้วยการกอด และสัมผัส
เด็กชายได้ยินเสียงจากในตัวตุ๊กตาอีกแล้ว
แต่วันนี้ผู้คนค่อนข้างเยอะ ทำให้ได้ยินไม่ชัดเลย
แต่เขารู้ได้อย่างหนึ่งจากการสัมผัสกอด
คือตุ๊กตาตัวนี้มีความอุ่นผิดวิสัยตุ๊กตาจริง ๆ
ผ่านไปอีกหลายวัน
เด็กชายสบโอกาส ได้เอ่ยถามพระรูปหนึ่งถึงเรื่องที่ว่า
"ทำไมท่านต้องเก็บตุ๊กตาตัวนี้เข้าในวัดทุกเย็นล่ะครับ?"
พระท่านไม่ได้ให้เหตุผลอะไร นอกจากบอกว่าก็แค่เก็บตามหน้าที่
ซึ่งคำตอบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เด็กชายต้องการเลย
รุ่งขึ้นเด็กชาย ก็ลองเข้ามากอดตุ๊กตานั้นอีก แต่คราวนี้กอดและออกแรงเขย่าแรงมากขึ้น
เขารู้สึกได้ถึงมีบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ภายในนั้น และกำลังดิ้นร้อง...
-------------------------------------------------------------------------------
ทันทีที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกดังกล่าว
เด็กชายจึงรีบไปเล่าให้พระอีกรูปหนึ่งที่อยู่ในบริเวณนั้นฟัง ถึงสิ่งที่เขาได้สัมผัสมา
พระรูปนั้นได้แต่บอกเขาว่าเขาคิดไปเอง ไม่มีอะไรเช่นนั้นหรอก
แต่เด็กชายไม่เชื่ออีกต่อไปแล้ว และเขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อพิสูจน์สิ่งที่เขาคิด
เพราะเขาเชื่อว่าตุ๊กตาตัวนั้นมีความผิดปกติ และเขาได้ยินเสียงจากข้างในจริง ๆ
เขาจึงลองไปกอดตุ๊กตาตัวอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ กัน
และมันก็แตกต่าง
มีแค่ตุ๊กตาตัวนั้น ที่มีสัมผัสความอุ่น และมีเสียงดังออกมาเมื่อโดนกอด
เมื่อเด็กชายมั่นใจดังนั้นแล้ว...
เขาจึงติดต่อขอพบกับเจ้าอาวาสในทันที
-------------------------------------------------------------------------------
แต่เขาไม่รู้เลยว่า เจ้าอาวาสทราบเรื่องที่เขาพยายามถามหาความจากพระลูกวัด มาก่อนแล้ว
และเมื่อเด็กชายถามคำถามเดียวกันเรื่องตุ๊กตากับเจ้าอาวาส
ท่านเจ้าอาวาสก็ถามกลับว่า...
เหตุใดเขาจึงสงสัยนัก?
เด็กชายตอบเจ้าอาวาสว่า ภายในตุ๊กตาตัวนั้น
จะต้องมีคนอยู่ข้างในแน่ ๆ !
เจ้าอาวาสจึงกล่าวต่อเสียงเรียบ ๆ ว่า
ถ้ามีคนอยู่ในตุ๊กตาตัวนั้นจริง ๆ เด็กชายคิดว่าจะเป็นยังไงล่ะ?
บางสิ่งในตัวของเด็กชายเกิดอาการแข็งขันขึ้น ทันทีที่คิดตามคำกล่าวของเจ้าอาวาส
เด็กชายรู้สึกหน้าแดง และพยายามเบือนหน้าหนี
ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่พักใหญ่ เนื่องด้วยเด็กชายรู้สึกสับสนไม่รู้จะตอบคำถามเจ้าอาวาสอย่างไรดี
เจ้าอาวาสเห็นเช่นนั้น จึงเป็นฝ่ายออกตัว เอ่ยถามเด็กชายเองว่า
เขาอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับตุ๊กตาตัวนั้นหรือไม่?
เด็กชายไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้าเป็นเชิงว่า ใช่
เจ้าอาวาสจึงบอกให้เด็กชายมาที่วัดอีกครั้งในวันพรุ่งนี้เวลา 1 ทุ่ม
หลังจากปิดวัดแล้ว
-------------------------------------------------------------------------------
ในวันศุกร์รุ่งขึ้น เด็กชายมาถึงวัดก่อนเวลา ประมาณ 6 โมงเย็น และเฝ้ารอคอยอย่างใจจดจ่อ
เมื่อเวลา 1 ทุ่มตรง เด็กชายนั่งอยู่ข้าง ๆ ตุ๊กตาตัวนั้น
ระหว่างที่พระลูกวัดกำลังจะปิดประตูวัดตามกำหนด
เขาก็ยังทดสอบสัมผัสและจ้องมองตุ๊กตาที่สงสัยอยู่ตลอดเวลา
ไม่นานหลังจากนั้น มีพระ 4 รูป เข้ามาเคลื่อนย้ายตุ๊กตาตัวดังกล่าว อย่างเช่นทุกวัน
แต่วันนี้มีท่านเจ้าอาวาสมาด้วย
และท่านก็ได้เรียกให้เด็กชาย ตามมาดูระหว่างทำการขนย้ายตุ๊กตาเข้าเก็บ
เมื่อพระทั้ง 4 รูป ขนย้ายตุ๊กตาเข้าไปเก็บไว้ในห้อง เด็กชายก็เดินตามเข้ามา
และสังเกตได้ว่าห้องนี้มืดทึบมากมีแค่แสงสว่างจากบานประตูที่เปิดไว้เท่านั้นเอง
หลังจากตั้งตุ๊กตาไว้กลางห้องแล้ว พระ 3 รูปได้เดินออกจากห้องไป
เหลือแต่เจ้าอาวาส กับพระผู้ช่วย
ท่านเจ้าอาวาสเปิดสวิทช์ไฟสปอต์ไลท์ ที่อยู่เหนือหัวตุ๊กตาขึ้น ให้เห็นสว่างชัด
“โยมอยากรู้จริง ๆ หรือเปล่าว่าอะไรอยู่ข้างในตุ๊กตานี่” เจ้าอาวาสถาม
-------------------------------------------------------------------------------
...เด็กชายรีบพงกหัว ตอบรับอย่างรวดเร็ว
พระผู้ช่วย ได้นำพวงลูกกุญแจ มาไขแม่กุญแจทั้ง 8 ตัว ที่ล็อกหัวตุ๊กตาไว้
และยกหัวตุ๊กตาออก เผยให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ข้างใน
เด็กชายหน้าแดงผ่าวขึ้นทันที ที่ได้เห็นสิ่งที่คล้ายศีรษะคนอยู่ในนั้น
แต่ไม่สามารถจำแนกได้ชัดนัก เพราะดูเหมือนศีรษะนั้นจะถูกห่อรัดแน่นไว้ด้วยผ้าอีกทีหนึ่ง
เด็กชายอยากเอื้อมมือไปสัมผัส แต่ถูกเจ้าอาวาสห้ามไว้
พระผู้ช่วย ได้ทำการปลดโครงช่วงลำตัวตุ๊กตาออก วางกองลงกับพื้น
เผยให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ภายในตุ๊กตานั้น เป็นห่อผ้าถูกพันด้วยเชือกอย่างแน่นหนามาก ๆ
และมันขยับได้
เด็กชายรู้สึกตกใจระคนตื่นเต้นอย่างมากกับสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้า!!
เจ้าอาวาส บอกเด็กชายว่าเมื่อเขาเห็นในสิ่งที่เขาต้องการเรียบร้อย
เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ควรจะกลับบ้านได้แล้ว
และเป็นดังที่คาดไว้ เด็กชายปฏิเสธที่จะกลับ
เขาต้องการที่จะรู้ และเห็นมากกว่านี้
-------------------------------------------------------------------------------
เจ้าอาวาสสังเกตเห็นได้ถึง เป้ากางเกงที่แข็งตุงของเด็กชาย
ในระหว่างที่สนทนา...
เจ้าอาวาสจีงเรียกให้พระผู้ช่วย นำกระดาษใบหนึ่งมาให้ และบอกเด็กชายว่า…
ขอให้เด็กชายลงชื่อสัญญาว่าจะเก็บสิ่งที่เห็นต่อจากนี้ทั้งหมดเป็นความลับ
ไม่แพร่งพรายให้ใครรู้
เด็กชายพยักหน้าตอบรับ และลงลายมือชื่อในทันที โดยไม่อ่าน
เจ้าอาวาสพับกระดาษสัญญาเก็บใส่จีวร แล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณให้พระผู้ช่วย
ทันใดนั้น ก็มีมือ 2 คู่จับตัวเด็กชายจากด้านหลัง และล็อกตัวเขาไว้แน่น
เด็กชายเองก็ไม่ได้พยายามดิ้นรนขัดขืนมากนัก
เพราะด้วยความอยากรู้อยากเห็น ถึงสิ่งที่อยู่ในห่อผ้าพันธนาการเชือกนั่น
ครอบงำความกลัวเขาไปหมดแล้ว
และคิดว่านี่เป็นการป้องกัน เพราะให้เขาอยู่นิ่ง ๆ เพื่อจะได้ดูสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป
พระผู้ช่วยค่อย ๆ แกะเชือก และผ้าที่พันมัดออกทีละชั้น
เผยให้เห็นรูปร่างของคน ที่อยู่ในอยู่ตุ๊กตา เป็นเรื่องจริงตามที่เด็กชายคิด
คน ๆ นั้นมีรูปร่างและขนาดตัวพอ ๆ กับเด็กชายเช่นกัน
แต่ถูกถุงคลุมไว้ไม่เห็นใบหน้า และใส่ชุดรัดรูปปกปิดรัดทั้งตัวไม่เห็นเนื้อหนังในส่วนอื่นใดเลย
-------------------------------------------------------------------------------
เจ้าอาวาสถามเด็กชายว่า หลังจากเห็นแล้วรู้สึกเช่นไร?
เด็กชายไม่ได้ตอบกลับ แต่รู้สึกได้ว่าเขาหน้าแดงมาก
และเลือดสูบฉีดจนองคชาติแข็งตุงกางเกงจนโด่ เด่นเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว เจ้าอาวาสจึงได้หยิบกระดาษที่ลงชื่อของเด็กชาย ออกมากางให้เห็นว่า
นี่คือ “สัญญายินยอมให้ถูกทำเป็นตุ๊กตาประดับวัด 1 วัน”
เด็กชายตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก และพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการจับกุม
แต่ไม่เป็นผล
เด็กชายถูกล็อกตัวไว้ด้วยกำลังอย่างแน่นหนา
และพระอีก 2 รูป ก็เข้ามาปลดถอด ฉีกเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ออก จนเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่า
ทุกคนเห็นองคชาติของเด็กชายที่แข็งชูชัน ยิ่งนักเมื่อไม่มีสิ่งปกปิด
เจ้าอาวาสพยักหน้าเป็นสัญญาณดำเนินการขั้นตอนต่อไป
-------------------------------------------------------------------------------
พระผู้ช่วยช่วยปลดและถอดถุงคลุมหัวจากร่างเด็กชายผู้อยู่ในตุ๊กตา
เผยให้เห็นว่า เด็กชายชุดรัดรูปนั้นถูกปิดตาและมัดอุดปากไว้ใต้ถุงที่คลุมหัวอีกทีหนึ่ง
พระผู้ช่วย แกะผ้าปิดตา และเครื่องอุดปากออก
พร้อมปลดซิปถอดชุดรัดรูปเต็มตัว กองลงที่พื้น
และเผยให้เห็น สิ่งที่เป็นต้นกำเนิดเสียงต้องสงสัย
ที่ถูกอุดไว้ในก้นของเด็กชายผู้อ่อนเพลีย
ทุกอย่างกระจ่างชัดแล้ว ณ ตอนนี้
หลังจากที่ถอดทุกสิ่งออกจากตัว รวมถึงเครื่องอุดทวาร ทั้งหมดแล้ว
พระผู้ช่วยได้บอกให้เด็กชายผู้อยู่ในตุ๊กตาไปพักผ่อน
และเขาก็ค่อย ๆ เดินกระปรกกระเปลี้ยไปที่ประตูห้อง
โดยมีพระรูปหนึ่งนำผ้าจีวรมาห่มร่างอันเปลือยเปล่านั้น ให้แล้วพาตัวออกไป
จากนั้นพระผู้ช่วยก็หันมาทาง เด็กชายขี้สงสัย
และเริ่มจัดการทำสิ่งที่ต้องทำตามในใบสัญญา
-------------------------------------------------------------------------------
โดยเริ่มจากการให้พระ 2 รูปช่วยกันจับขาเด็กชายแยกออก
และค่อย ๆ นำดุ้นเครื่องสั่นกระตุ้นที่เพิ่งถอดออกมา เสียบแทรกเข้าไปในก้นของเด็กชาย
ท่ามกลางเสียงร้องไห้ และความเจ็บจุก แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้
เมื่อเครื่องกระตุ้นถูกดันเข้าไปจนสุดแล้ว ก็ถูกล็อกไว้ ด้วยเข็มขัด
ซึ่งเด็กชายนั้นจะไม่สามารถเบ่งให้มันหลุดออกมาได้อีก
จากนั้นพระผู้ช่วยก็สวมชุดรัดรูปเต็มตัวให้เด็กชายขี้สงสัย
ชุดนี้เป็นสีขาว มีถุงเท้า และถุงมือไร้นิ้วติดชุด ไม่มีซิปเป้า
และหน้ากากสวมหัวเจาะเปิดไว้เป็นวงกลมไว้สำหรับช่องปาก
พร้อมซิปหลังที่ล็อกด้วยกุญแจเล็ก ๆ ได้
ที่สำคัญชุดนี้ คือชุดที่เพิ่งถูกถอดออกมาจากคนก่อนหน้า
ความเปียกชุ่มของเหงื่อ และคราบน้ำแห่งความเป็นชายบริเวณเป้า
ยังติดเหนียวอยู่เต็มไปหมด
เมื่อบังคับสวมชุดให้เด็กชายได้ทั้งตัวแล้ว
พระผู้ช่วยได้นำน้ำดื่มปรุงพิเศษมา 1 ขวด และบังคับให้เด็กชายดื่มจนหมด
-------------------------------------------------------------------------------
น้ำดื่มปรุงพิเศษนี้ จะช่วยให้เด็กชายทนอยู่ได้ในสภาพอากาศที่โหดร้าย
ชลอการขาดน้ำ และไม่ขับถ่าย
ก่อนที่จะนำเครื่องอุดปากที่มีปลายเหมือนดุ้นองคชาติ
ยัดเข้าใส่ในปากของเด็กชาย รัดสายรัดแน่นจนเสียงร้องเงียบไป จากนั้นก็ใส่แม่กุญแจเล็ก ๆ คล้องล็อกไว้
เด็กชายผู้ตกเป็นทาสสัญญา มองผ่านหน้ากากผ้าขาวของชุดรัดรูปอย่างเลือนลาง
เห็นภาพสุดท้ายที่จะได้เห็น คือพระผู้ช่วยนำผ้าอีกผืน มาปิดตาของเขาอย่างแน่น
จนไม่เห็นแสงใด ๆ อีกต่อไป
เขาร้องไห้ สะอื้น และพยายามอ้อนวอนผ่านเครื่องอุดปาก
เสียงที่ส่งออกมาเป็นได้แค่เสียงอู้อี้ อึกอัก จับใจความไม่ได้
และเด็กชายก็ต้องตกใจมากขึ้น เมื่อสัมผัสได้ถึงถุงคลุมหัวที่ถูกครอบลงมาอีกชั้น
ซึ่งทำให้เขาหายใจลำบากขึ้น
“โยมต้องพยายามตั้งสติ มีสมาธิ ไม่ตกใจ
แล้วโยมจะพบหนทางที่จะอยู่รอดปลอดภัยได้ด้วยตัวเองในการเป็นตุ๊กตานะ”
-------------------------------------------------------------------------------
เด็กชายรู้สึก และสามารถบอกกับตัวเองได้ว่าขณะนี้ เขาถูกบังคับให้
อยู่ในชุด เพื่อเตรียมพร้อมกับการถูกทำเป็นตุ๊กตามนุษย์
เฉกเช่นกับเด็กชายคนก่อนหน้าที่เพิ่งออกจากห้องนี้ไป
สวมชุดที่เด็กคนนั้นเคยใส่ และถูกขังอยู่ในตุ๊กตารูปพระยิ้มแย้มทั้งวัน
...ชุดที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ กลิ่น และเมือกน้ำที่ถูกขับออกมาจากการสำเร็จกาม
เพราะเครื่องกระตุ้นที่อยู่ในก้น
น่าแปลกใจที่ยิ่งคิดเด็กชายก็ยิ่งแข็งขัน
หรือนี่คือหนทางแห่งการเป็นตุ๊กตาที่เจ้าอาวาสท่านว่าไว้เมื่อสักครู่นะ
เมื่อเห็นเด็กชายค่อย ๆ สงบลง เจ้าอาวาสที่จับจ้องดูอยู่ตลอดก็ยิ้มอย่างพอใจ
-------------------------------------------------------------------------------
พระผู้ช่วยทำการมัดเชือกบนตัวของเด็กชาย มัดมือ และขาให้เข้าที่ จนดิ้นไม่หลุดแล้ว
ก็ให้พระที่เหลืออุ้มเด็กชายนอนลงบนพื้น และให้พระทั้งหมดแยกย้ายกลับไปได้
เหลือแต่ท่านเจ้าอาวาสกับพระผู้ช่วยเพียง ลำพัง
ทั้งคู่ต่างพอใจ เมื่อมองเห็นเด็กชายถูกพันธนาการนอนอยู่บนพื้น
และมีองคชาติแข็งตุงชุดรัดรูปขาว และมีจุดเปียกเยิ้ม
พระผู้ช่วย เปรยกับเจ้าอาวาส ให้ดูเด็กชายที่กำลังทรมานด้วยความสุขใกล้
และจะสำเร็จความใคร่เต็มที
ด้วยเป็นห่วงว่าเด็กชายจะสามารถเป็นตุ๊กตาให้กับวัดได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
เจ้าอาวาส บอกให้ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ท่านจะดูแลเรื่องทั้งหมดเอง
จากนี้ไป เรามาช่วยกันทำพิธีให้เด็กคนนี้หลั่งน้ำแรกแห่งความสุขก่อน
ที่จะเป็นตุ๊กตาเต็มตัวกันเถอะ...
-------------------------------------------------------------------------------
เจ้าอาวาสและพระผู้ช่วยทำพิธี สวดอำนวยพร สลับสัมผัสร่างในพันธนาการ
ให้เด็กชายเสียวซ่านด้วยมือของทั้ง 2 รูป จนเด็กชายสำเร็จหลั่งน้ำกามออกมา
จากนั้น พระผู้ช่วยได้ทำการแกะเครื่องอุดปากของเด็กชายออก เปลี่ยนเป็นเครื่องถ่างปาก
เพื่อที่ให้ท่านเจ้าอาวาสได้ มอบน้ำมนต์พ่นตรงจากองคชาติของท่าน เข้าสู่ลำคอของเด็กชาย
และรวมถึงน้ำมนต์จากพระผู้ช่วย อีกคำรบ หลังจากได้รับน้ำมนต์จากทั้งสองรูปกลืนลงคอไปแล้ว
ก็ตามด้วยน้ำดื่มปรุงพิเศษ อีก 1 ขวด เพื่อช่วยให้เด็กชายตุ๊กตาใหม่ มีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น
จากนั้นเด็กชายก็ถูก เปลี่ยนเครื่องอุดปากเป็นแบบดุ้นองคชาติเช่นเดิม
และถูกห่อด้วยผ้าขาวอีก 2 ชั้นรัดหัวตึงแน่น แต่ยังหายใจได้
พร้อมถูกมัดซ้ำด้วยเชือกอย่างแน่นหนา แบบที่เห็นก่อนหน้าทีตอนถอดชุดตุ๊กตาจากเด็กคนก่อน
แต่มีสิ่งที่แตกต่างออกไปคือ
ท่านเจ้าอาวาส บอกให้พระผู้ช่วย ใส่ปลอกคอเหล็กให้กับเขาด้วย
เด็กชายรู้สึกได้ถึงน้ำหนักปลอกคอเหล็กที่กดทับ และได้ยินเสียงล็อกกุญแจลูกใหญ่
เขาจะหนีไปไหนได้อีก แค่นี้ก็เกินกำลังจะเอาตัวรอดแล้ว เจ้าอาวาสให้โอวาทสั่งสอนย้ำว่า
ให้พยายามทำสิ่งที่เขาทำได้ นั่นคือมีสมาธิ ตั้งใจสัมผัสถึงความสุขที่เกิดจากการถูกพันธนาการ
พยายามหายใจ และเสพความเสียวซ่านที่พลุ่งพล่านไปให้ได้ตลอดทั้งวัน
-------------------------------------------------------------------------------
สิ่งที่เด็กชายได้ยินต่อไปนี้ทำให้เขารู้สึกกลัวไม่น้อย
นั่นคือเจ้าอาวาส และพระผู้ช่วย จะกลับไปจำวัดแล้ว
ท่านสั่งให้นำตัวเด็กชายเข้าไปใส่ไว้ในตุ๊กตา ประกอบให้ปิดล็อกให้เรียบร้อย
พระผู้ช่วยประกอบชุดตุ๊กตาขึ้นมาใหม่ และนำตัวเด็กชายใส่ไว้ข้างใน
ซึ่งภายในชุดตุ๊กตานั้นบุนวมไว้อีกชั้น ทำให้รัดตัวเด็กชายแน่น ไม่โอนเอน และการดิ้นขยับทำได้ยากมาก
จากนั้นหัวตุ๊กตาก็ถูกครอบลงมา พร้อมการปิดล็อกกุญแจ 8 ดอกเข้าที่
เด็กชายจะต้องถูกขังอยู่ในตุ๊กตานี้ทั้งคืน และเมื่อถึงตอนเช้า
ก็จะถูกขนออกไปตั้งแสดงที่หน้าวัด เหมือนทุกวันที่ผ่านมา
ตลอดทั้งวันจะมีผู้คนแวะเวียนมาถ่ายรูป มากอด มาเซลฟี่ มาเล่นกับตุ๊กตา
โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาถูกขังอยู่ข้างใน
แม้จะร้องเรียกดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยิน
ซึ่งจริง ๆ แล้วควรจะเก็บแรงไว้ และรักษาตัวให้รอดในการถูกขังในตุ๊กตานี้ตลอดวันจะดีกว่า
-------------------------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------------------------
แต่เด็กชายไม่อาจรู้ได้เลยว่า...
หากเขาสามารถผ่านการเป็นตุ๊กตาหน้าวัด 1 วันนี้ไปได้
ท่านเจ้าอาวาสอาจจะพิจารณาต่ออายุสัญญาออกไปได้อีก ตามที่ท่านเห็นสมควร
ยังไงเด็กชายก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกต่อไป นอกจากต้องตกเป็นสมบัติของวัด
ด้วยความอยากรู้ อยากเห็นของตนเอง
ขอให้มีชีวิตรอด และเรียนรู้เส้นทางความสุขแห่งการพันธนาการ ของวัดนี้เถิด
เพียงแค่คิดเท่านี้ เด็กชายก็เริ่มแข็งขัน ขึ้นมาอีกแล้ว...
จบ.
-------------------------------------------------------------------------------
…. วิตถารมาก ….
แต่ถ้าชอบ อ่านแล้วก็เอาไปชักว่าวให้สนุกไปเลยนะครับ
เม้นต่อเรื่องเพิ่มเติมกันตามสบาย
และใครมีความสามารถทำให้เป็นความจริงได้ ก็ส่งรูปมาให้ดูกันด้วยล่ะ
อ่าน ชอบมากเลยคับ
ReplyDeleteขอบคุณครับ ขอให้สนุกกับการใช้งานเรื่องราวนี้ครับ
Deleteขอบพระคุณมากๆเลยครัย เนื้อเรื่องดีมาก เสียวทั้งวันเลย 55555 จนอยากเป้นศิษย์เลยครับ
ReplyDeleteศิษย์วัดนี้ต้องอดทนทรมานเสียวในการถูกกักขังมากเลยครับ
Delete